Soul Gauge - Skill System โอนถ่ายแบบง่ายๆ อัพเกรดได้แบบยาวๆ
การเรียนสกิลต่างๆ ภายในเกม Soul Gauge ถือเป็นส่วนที่สำคัญมากๆ เพราะมันจะช่วยให้เราสามารถเล่นเกมได้ง่ายขึ้นไม่ว่าจะเก็บเลเวล, ลงดันเจี้ยนต่างๆ หรือแม้แต่การต่อสู้ในลานประลอง PvP แต่ต้องบอกก่อนนะครับว่าระบบสกิลภายในเกมนี้ค่อนข้างซับซ้อนพอสมควร เพราะรูปแบบที่อิสระในการเลือกใช้งานและเลือกอัพเกรดนั่นเอง เอาเป็นว่าเพื่อไม่ให้เสียเวลาเราไปดูรูปแบบของระบบสกิลที่ควรจะทำความเข้าใจในเกมนี้กัน
สกิลมีกี่ประเภทหาได้จากไหนบ้าง?
สกิลภายในเกม Soul Gauge จะแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลักๆ ด้วยกันคือ
- สกิลประจำสายอาชีพ เป็นสกิลที่จะได้รับเมื่อตอนเปลี่ยนสายอาชีพนั่นเอง แน่นอนว่ามันเป็นสกิลเฉพาะที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหน
- สกิลโจมตีทั่วไป สกิลประเภทนี้จะติดมากับอาวุธต่างๆ ที่เราดร็อปมาหรือแม้แต่เปิดกล่องสุ่ม โดยแต่ละสกิลจะมีระดับความหายากของมันอยู่ แน่นอนว่ายิ่งระดับความหายากสูงมากเท่าไร สกิลก็จะรุนแรงและใช้งานได้ดีมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
- สกิลติดตัว (Passive) จริงอาจจะพูดว่าเป็นสกิลติดตัวก็คงไม่ได้ แต่เป็นสกิลที่เอาไว้สวมใส่ในเครื่องป้องกันและจะแสดงผลเหมือนกับ Passive ของเรานั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม Atk หรือ M.Atk ผู้เล่นสามารถเลือกเอามาใส่เครื่องป้องกันได้ตามความต้องการและตามรูปแบบของสายอาชีพที่เล่น
- สกิลกดใช้งาน (สกิลบัฟ) ส่วนใหญ่จะเป็นสกิลที่เอาไว้ใส่ในเครื่องป้องกันต่างๆ แต่สกิลประเภทนี้มีเงื่อนไขการใช้งานคือ จะสามารถกดใช้งานได้ก็ต่อเมื่อใส่ในเครื่องป้องกันหลักเท่านั้น ไม่สามารถใช้งานได้เมื่อสกิลอยู่ในเครื่องป้องกันรอง (ไม่เหมือนกับอาวุธที่ใช้งานได้ทั้งหลักและรอง)
การอัพเกรดสกิล
การอัพเกรดสกิลนั้นจะใช้ Soul ทุกสียกเว้นสีเขียว แต่หลักๆ การอัพสกิลเส้นตรงจะใช้ Soul สีฟ้าเป็นสำคัญ จะมีแค่ส่วนของความสามารถเสริมจะใช้ Soul สีส้มและสีแดง ส่วนการอัพเกรดก็สามารถทำได้แบบง่ายๆ เพียงแค่เข้าไปที่คำสั่ง “พัฒนาสกิล” จากนั้นก็เลือกอัพสกิลที่ต้องการได้เลยทันที
เทคนิคการอัพสกิลในช่วงต้นเกม
การอัพสกิลต่างๆ นั้นเพื่อไม่ให้เสียเปล่าละสามารถย้ายโอนได้แบบมีประสิทธิภาพจะมีข้อควรระวังอยู่ 2 ข้อด้วยกันคือ
- ถ้าไม่ใช่อาวุธระดับสีเขียว (อาวุธสูงสุด) หรืออาวุธหลักที่จะใช้งานจริงๆ ให้เน้นอัพเลเวลสกิลไว้แค่ 1 สกิลเท่านั้น เพราะมันสามารถย้ายโอนสกิลและเลเวลสกิลไปยังอาวุธชิ้นอื่นได้ แต่จะย้ายได้เพียงแค่ 1 สกิล ส่วนสกิลอื่นและไอเทมที่ย้ายจะหายไปทันทีหลังจากย้ายสกิล เพราะฉะนั้นต้องระวังตรงนี้ด้วย
- เน้นการอัพสกิลที่ MAIN ไอเทมเป็นหลัก เพราะไอเทม SUP จะต้องปรับเปลี่ยนบ่อยนั่นเอง และใส่สกิลที่ต้องการและสำคัญไว้ที่ MAIN ไอเทมเสมอ เพื่อที่จะได้อัพเกรดในทีเดียว ข้อดีอีกอย่างหนึ่งก็คือ ถ้าเราได้ไอเทมที่มีระดับสูงกว่า MAIN ที่ใส่ในปัจจุบัน เราก็สามารถใช้ไอเทม MAIN เปลี่ยนไปเป็น SUP แทนได้โดนที่เราไม่ต้องไปหาไอเทม SUP เพิ่ม
การย้ายโอนสกิลไปไอเทมชิ้นอื่น
เราสามารถนำสกิลที่ต้องการจากไอเทมชิ้นอื่นไปใส่ในไอเทมหลักได้ โดยการกดที่ปุ่ม “สร้าง” ที่อยู่ในไอเทมชิ้นนั้นๆ โดยมีข้อจำกัดและเงื่อนไขในการใส่สกิลดังนี้
- ยิ่งระดับความหายากของสกิลยิ่งสูง โอกาสในการโอนถ่ายสกิลก็จะยิ่งน้อยลงไปด้วย แต่สามารถใช้ “รูบี้” เพื่อเพิ่มโอกาสสำร็จเป็น 100% ได้
- ไอเทมที่ทำการดึงสกิลออกมาจะหายไปทันที ไม่ว่าการโอนถ่ายจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ตาม
- ระดับเลเวลของสกิลจะยังคงเท่าเดิมจากที่มีอยู่ ตัวอย่างเช่น ถ้าทำการโอนย้ายสกิลเลเวล 10 เมื่อโอนย้ายสำเร็จสกิลก็จะเป็นระดับเลเวล 10 เหมือนเดิม แต่ไปอยู่ในไอเทมชิ้นใหม่
จะสามารถหาสกิลดีๆ มาใช้งานได้จากไหน?
อย่างที่ทราบกันแล้วคือ สกิลส่วนใหญ่จะหาได้จากที่ติดมากลับอาวุธและเครื่องป้องกันและก็มีรูปแบบการหาสกิลที่หลากหลายมากเช่น
- หาจากการเปิดกล่องสุ่ม สกิลระดับสูงๆ มักจะได้จากการเปิดสุ่มกล่อง “รูบี้” 900 เม็ด โดยการเปิดแบบนี้โอกาสดร็อปสกิลดีๆ มีค่อนข้างเยอะ
- จากไอเทมที่ดร็อปจากบอสในดันเจี้ยนต่างๆ ตรงนี้หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าถึงแม้บอสจะดร็อปไอเทมระดับสีขาวก็ตาม แต่หลายครั้งที่ไอเทมสีขาวชิ้นนั้นมีแรร์สกิลติดมาด้วย ตรงนี้แนะนำว่าให้ดูกันให้ดี เชื่อว่าหลายคนไม่ได้ดูสกิลที่ติดมาและเห็นเป็นไอเทมสีขาวเลยย่อยหรือขายทิ้ง
ทั้งหมดก็เป็นระบบเกี่ยวกับสกิลที่ต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจในเกม Soul Gauge และต้องบอกก่อนนะครับว่า สกิลระดับต่ำไม่ใช่ว่าจะไม่ดีเสมอไป สกิลระดับต่ำอาจจะไม่ค่อยรุนแรงมากนักแต่มันใช้ Soul ในการอัพเกรดที่น้อยและส่วนใหญ่คูลดาวน์จะไวกว่าสกิลระดับสูง นั่นหมายความว่าอย่าให้ความสำคัญกับสกิลระดับสูงมากเกินไป อาจจะเน้นการใช้ทั้งสกิลระดับสูงและระดับต่ำสลับกัน และสกิลระดับต่ำบางสกิลสามารถเอาไว้ทำคอมโบกันได้ค่อนข้างดี จุดนี้อาจจะต้องศึกษาความสามารถของสกิลเหล่านั้นเพิ่มเติม