การเลือกใช้ฮีโร่และสกิลต่างๆ ในเกม Knights Chronicle นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ แถมยังเป็นตัวตัดสินรูปแบบของทีมได้อีกด้วย ซึ่งถ้าจะให้ลำดับความสำคัญถือว่า สำคัญกว่าระดับแร็งค์ของฮีโร่เลยด้วยซ้ำ เพราะสกิลของฮีโร่ระดับ R บางตัวเมื่อเทียบคุณสมบัติของสกิลอาจจะเหนือกว่าฮีโร่ระดับ SSR ก็มีเช่นกัน เพราะฉะนั้นการเรียนรู้เกี่ยวกับสกิลต่างๆ ภายในเกมนี้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ โดยระบบสกิลจะมีการแบ่งออกเป็น 4 ประเภทสกิลด้วยกันคือ

สกิลลีดเดอร์

เป็นสกิลที่จะแสดงผลก็ต่อเมื่อ ตั้งฮีโร่ตัวนั้นเป็นหัวหน้าทีมเท่านั้น โดยสกิลประเภทนี้จะมีเงื่อนไขและรูปแบบการใช้งานที่จะส่งผลให้กับฮีโร่ที่อยู่ในเงื่อนไขเท่านั้น ตัวอย่างเช่น สกิลของ ลามู จะเพิ่มความสามารถให้กับสมาชิกในทีมที่เป็นธาตุลมและน้ำเท่านั้น ฮีโร่ในทีมที่เป็นธาตุอื่นจะไม่ได้รับผลของสกิลนี้

แน่นอนว่าสกิลลีดเดอร์สำคัญมากๆ ในการจัดทีม เพราะมันเป็นตัวกำหนดว่าเราจะเน้นทีมรูปแบบไหนและธาตุอะไร ตัวอย่างเช่น ลามูล ถ้านำมาเป็นลีดเดอร์และใส่ฮีโร่ธาตุลมและน้ำในทีมทั้ง 5 ตัว ก็จะทำให้ผลของสกิลลีดเดอร์แสดงประสิทธิภาพได้เต็มที่ แต่กลับกันถ้าไม่มีฮีโร่ในทีมที่มีธาตุลมและน้ำเลย สกิลลีดเดอร์ของลามู ก็จะเป็นเพียงพาสซิพที่แสดงผลกับแค่ตัวเองที่เป็นลีดเดอร์เท่านั้น

สกิลติดตัว

ประเภทของสกิลที่จะแสดงผลกับฮีโร่และการกระทำของฮีโร่ตัวนั้นโดยตรง ซึ่งสกิลติดตัวของฮีโร่แต่ละตัวก็จะแตกต่างกันออกไปตามรูปแบบ, ความสามารถและธาตุ โดยสกิลติดตัวจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วงสกิลด้วยกันคือ

สกิลเริ่มต้น :  สกิลที่จะได้มาตั้งแต่แรกและสามารถใช้ได้เลยทันที

สกิลพิเศษ : สกิลที่จะได้มาก็ต่อเมื่อตัวละครเลเวล 60 และทำการปลดล็อคคุณสมบัติพิเศษของฮีโร่แล้วเท่านั้น

แน่นอนว่าสกิลประเภทนี้ก็จะมีเงื่อนไขและรูปแบบที่ใช้งานแตกต่างกันออกไป โดยจะยึดกับความสามารถและธาตุของฮีโร่ตัวนั้นๆ เป็นหลัก

สกิลทั่วไป

สกิลทั่วไปของเหล่าฮีโร่จะแบ่งออกเป็น 3 สกิลด้วยกันคือ

สกิลที่ 1: สกิลโจมตีปกติ สกิลนี้จะไม่มีคูลดาวน์ในการใช้งานแต่อาจจะหยุดการใช้งานได้ด้วยการ CC หรือการป้องกันต่างๆ

สกิลที่ 2 : สกิลนี้จะมีระยะเวลาคูลดาวน์อยู่ที่ประมาณ 3-5 เทิร์น (แล้วแต่ฮีโร่) ความรุนแรงก็จะอยู่ในระดับกลางๆ

สกิลที่ 3 : หรือหลายคนเรียกว่าอัลติเมท เป็นสกิลที่รุงที่สุดและเป็นท่าไม้ตายของฮีโร่ตัวนั้นๆ และแน่นอนว่ามันมีคูลดาวน์ที่นานที่สุดนั่นเอง

นอกจากนั้นสกิลทั่วไปของเหล่าฮีโร่สามารถอัพเลเวลของสกิลให้รุนแรงยิ่งขึ้นได้ โดยการอัพเลเวลสกิลสามารถเข้าไปในส่วนของเมนู “อัพเกรดสกิล” ส่วนวัตถุดิบในการเพิ่มระดับเลเวลสกิลก็คือ ฮีโร่ที่เป็นตัวเดียวกัน ส่วนอัตราความสำเร็จในการอัพเกรดก็จะขึ้นอยู่กับดาวของฮีโร่ที่เราเอาไปเป็นวัตถุดิบดังนี้

• ฮีโร่ระดับ 4 ดาว : อัตราความสำเร็จ 25%
• ฮีโร่ระดับ 5 ดาว : อัตราความสำเร็จ 50%
• ฮีโร่ระดับ 6 ดาว : อัตราความสำเร็จ 100%

สำหรับใครที่อยากอัพเกรดสกิลแนะนำว่าควรทำฮีโร่วัตถุดิบให้เป็น 6 ดาวก่อนแล้วค่อยอัพเกรดสกิล เพราะจะทำให้เลเวลสกิลเพิ่มแน่ๆ 100% โดยที่ไม่ต้องเสี่ยง เพราะการหาฮีโร่ซ้ำกันนั้นยากกว่าการหาวัตถุดิบในการอัพเกรด 6 ดาว ยิ่งฮีโร่ระดับ SSR ยิ่งยากเข้าไปอีกหลายเท่า เพื่อความชัวร์เน้น 100% จะดีที่สุด

คุณสมบัติพิเศษฮีโร่

ถือเป็นสกิลประเภท Passive อีกหนึ่งชนิด แต่จะมีเงื่อนไขในการอัพสกิลเหล่านี้อยู่ 4 อย่างด้วยกันคือ

• ต้องมีระดับเลเวล 50 ขึ้นไปและจะปลดสกิลใหม่ทุก 2 เลเวล
• ใช้วัตถุดิบประเภทน้ำยาในการอัพสกิล
• สกิลแต่ละระดับจะมีให้เลือกจาก 1 ใน 3 สกิลและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการแต่จะต้องเสียเงินและวัตถุดิบเพิ่ม
• ความสามารถของสกิลจะขึ้นอยู่กับระดับดาว โดยจะมีตั้งแต่ 1-3 ดาว และการอัพสกิลแต่ละครั้งจะสุ่มจำนวนดาวที่ได้ (ย้ำอีกครั้งว่าเป็นการสุ่ม)

สำหรับสกิลประเภทนี้ต้องบอกก่อนนะครับว่าควรเลือกความสามารถให้ตรงสายของฮีโร่ตัวนั้นๆ อย่างฮีโร่สายสนับสนุน ก็อาจจะไม่เน้นที่การเพิ่มพลังโจมตีแต่ให้เน้นการเพิ่มในส่วนของความสามารถพิเศษของสกิลและพลังป้องกันแทน เพื่อให้สามารถยืนในไฟท์อยู่ได้นานและสนับสนุนเพื่อนได้ตลอดรอดฝั่งนั่นเอง

แนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดทีม

การจัดทีมของ Knights Chronicle ไม่ได้เน้นแค่แร็งค์ SR หรือ SSR เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่จะเน้นตรงความสอดคล้องของสกิลเป็นหลัก แน่นอนว่าระดับแร็งค์ยิ่งสูงค่าสเตตัสพื้นฐานก็จะสูงตาม แต่ปัจจัยหลักในการแพ้ชนะและผ่านด้านจะอยู่ที่รูปแบบของสกิลและความสอดคล้องของทีม อย่างเช่น การเลือกสกิลลีดเดอร์อาจจะต้องให้เหมาะสมกับทีมที่เราเล่น เช่นถ้าเลือก โคเดลเลีย ที่เพิ่มพลังป้องกันให้กับฮีโร่ในทีมธาตุ ลมและแสง 20% การเลือกสมาชิกในทีมเป็น รีเบคก้า, ลามู, ชาร์ล็อต, บรีทัน, ฮีโร่ธาตุลมและแสง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของทีมได้สูงมากๆ

ทั้งหมดก็เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับระบบสกิลในเกม Knights Chronicle แน่นอนว่ามันเป็นเพียงพื้นฐานและทริคเล็กน้อยเท่านั้น ผู้เล่นสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นเป็นของตัวเองได้ตามต้องการ เพราะเกมนี้สามารถสร้างทีมได้แบบหลากหลายมากๆ